หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561

"เวียงกุมกาม" ความงามแห่งล้านนา


              สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะกับ โบราณคดีน่ารู้  ...วันนี้ขอบอกก่อนเลยนะคะว่า เราจะได้ไปย้อนรอยสถานที่ที่มีความสำคัญทั้งในอดีตและปัจจุบันทางภาคเหนือ เป็นสถานที่ที่ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวง ก่อนที่ปัจจุบันจะเป็นเชียงใหม่ ...อดีตเมืองหลวงโบราณที่ถูกลืมของอาณาจักรล้านนา "เวียงกุมกาม"

ที่มา : https://www.google.co.th/search?tbm=isch&sa=1&ei=yZy


ประวัติและความเป็นมา
            เวียงกุมกาม  เกิดขึ้นหลังจากที่พญามังรายได้สถาปนาตนขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ของล้านนา พญามังรายได้ขยายขอบเขตของอาณาจักรโดยการยึดเมืองหริภุญไชยในปี พ.ศ.1824 หลังจากนั้นทรงก่อตั้งเวียงกุมกามในระหว่างปี พ.ศ.1829-1838 เพื่อเป็นศูนย์หลางการปกครอง ในระหว่างที่ทรงปกครองเวียงกุมกามนั้น พระองค์ทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมป์ภกและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเพื่อสร้างสังคมที่สงบสุข
             นอกจากนี้ พญามังรายยังทรงทำการติดต่อค้าขายกับแคว้นเพื่อนบ้านและบัญญัติกฎหมาย มังรายศาสตร์ ขึ้นเพื่อเป็นแบบแผนในการปกครองบ้านเมือง จึงทำให้ประชาชนในเวียงกุมกามเริ่มอยู่ดีมีสุขและประสบความสำเร็จในด้านการเพาะปลูก ต่อมาชาวเมืองจึงเริ่มค้าขายกับชุมชนอื่นๆ และเริ่มก่อสร้างวัดเพื่อแสดงถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ที่มา : https://www.prachachat.net/news_detail.

            ต่อมาในปี พ.ศ.1839 พญามังรายได้ก่อตั้งเมืองเชียงใหม่เพื่อเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านนา แต่ก็ยังคงรักษาเวียงกุมกามไว้เป็นอีกเมืองที่มีความสำคัญ ศิลาจารึกหลายชิ้นได้กล่าวถึงเมืองกุมกามว่าเป็นเมืองสำคัญที่เคยมีประชากรเทียบเท่ากับเชียงใหม่

            ความเจริญรุ่งเรืองของเวียงกุมกามต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงช่วงที่แม่น้ำปิงเปลี่ยนสาย แต่อย่างไรก็ตาม หลักฐานจากการขุดค้นของสำนักศิลปกรที่ 8 ได้แสดงให้เห็นว่า การล่มสลายของเวียงกุมกามไม่ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจากน้ำท่วมแต่เกิดขึ้นเพราะภาวะสงครามกับพม่า ทำให้ประชาชนถูกเกณฑ์ไปเป็นเชลยศึก จึงทำให้เวียงกุมกามเริ่มรกร้าง กลายเป็นพื้นที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้
           จนในที่สุด การเกิดน้ำท่วมและกระแสของแม่น้ำปิงก็ได้นำเอาดินตะกอนมาทับถมเวียงกุมกามจนทำให้กลายเป็นเมืองโบราณใต้ดินฝังลึกระดับ 1-2 เมตร จากผิวดิน




การขุดค้นพบและการตีความจากหลักฐานที่ขุดค้นพบ

          ในปี พ.ศ.2527 เรื่องราวของเวียงกุมกามก็เริ่มเป็นที่น่าสนใจของนักวิชาการและประชาชนทั่วไป ทำให้หน่วยศิลปปากรที่ 4 ขุดแต่งบูรณะวัดร้าง (วิหารกานโถม ณ วัดช้างค้ำ) และบิเวณโดยรอบเวียงกุมกามอย่างต่อเนื่องจนถึง พ.ศ.2545
          ปัจจุบันเวียงกุมกามได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นสถาานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เพราะเห็นว่าเวียงกุมกามมีความสมบูรณ์และเป็นแหล่งการศึกษาหาความรู้ในเรื่องของสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ตลอดจนสังคมและวัฒนธรรมต่างๆ




          หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเวียงกุมกาม ได้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับราชวงศ์กษัตริย์ ตำนานเมือง โบราณวัตถุและซากปรักหักพังของเมือง ส่วนหลักฐานจากการขุดค้นทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่ามีชุมชนโบราณตั้งอยู่ในเขตเวียงกุมกามตั้งแต่ก่อนสมัยอาณาจักรล้านนา ซึ่งหลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบที่วัดช้างถ้ำ เช่น จารึก พระพุทธรูป เครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น หลักฐานเหล่านี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในสมัยหริภุญไชยและล้านนา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริเวณที่เคยเป็นชุมชนชายขอบในสมัยหริภุญไชยและมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องมาจนถึงสมัยล้านนา




โบราณสถานที่สำคัญ
            จากการสำรวจพบว่ามีมากกว่า 40 แห่ง ทั้งที่เป็นซากโบราณสถาน และเป็นวัดที่มีพระสงฆ์  โบราณสถานที่สำคัญได้แก่ วัดเจดีย์เหลี่ยม วัดช้างค้ำ และซากเจดีย์วัดกุมกาม วัดน้อย วัดปู่เปี้ย วัดธาตุขาว วัดอีค่าง  ซึ่งรูปแบบทางศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมนี้มีทั้งรูปแบบรุ่นเก่าและสมัยเชียงใหม่รุ่งเรือง ปะปนกันไป


            วัดเจดีย์เหลี่ยม หรือ วัดกู่คำ
            เป็นวัดที่ตั้งอยู่นอกเวียงกุมกาม ซึ่งพญามังรายทรงให้ขุดคูเมืองทั้ง 4 ด้าน แล้วนำดินที่ขุดมาทำเป็นอิฐประกิบการใช้ศิลาแลงเพื่อก่อเจดีย์ ลักษณะเจดีย์เป็นเจดีย์กลวงสี่เหลี่ยม ข้างในเจดีย์มีทางเข้าออกได้ มีพระพุทธรูปประดับด้านละ 14 องค์ แต่ละด้านมีซุ้มพระชั้นละ 3 องค์ มี 5 ชั้น รวมทั้งองค์เจดีย์มีพรุพุทธรูป 60 องค์ โดยวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐพระมเหสีพระองค์หนึ่งที่สิ้นชีวิตในเวียงกุมกาม

ที่มา : https://www.google.co.th/search?tbm=isch&sa=1&ei=QIGiW



              วัดช้างค้ำ หรือ วัดกานโถม
              เป็นวัดสำคัญของเวียงกุมกามคู่กับวัดเจดีย์เหลี่ยม  โดยสาเหตุที่ชื่อวัดกานโถมเพราะตั้งชื่อตามนายช่างกานโถมหรือหลานของพญามังราย ซึ่งเป็นผู้สร้างวัดนี้ พญามังรายได้ทรงโปรดให้มร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อบรรจุพระบรุมธาตุที่ได้จากประเทศลังกา 
              ลักษณะเจดีย์มีฐานกว้าง 12 เมตร สูง 18 เมตร ทำซุ้มคูหา 4 ทิศ ชั้นล่างไว้พระพุทธรูป 4 องค์ ชั้นบนไว้พระพุทธรูปยืน 1 องค์ การซ่อมเจดีย์กานโถมครั้งสุดท้ายอยู่ในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ผลของการซ่อมทำให้กลายเป็นศิลปะพม่าซึ่งเป็นเจดีย์รูปช้างค้ำ อันเป็นที่มาของชื่อวัดช้างค้ำ



              วัดอีค่าง
              อยู่ติดกับแนวคูน้ำคันดินด้านทิศตะวันตกของเวียงกุมกาม อยู่ลึกลงไปในผิวดินประมาณ 2 เมตร ประกอบด้วยวิหารและเจดีย์ตั้งอยู่บนฐานเดียวกันเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาเต็มรูปแบบ เจดีย์อีค่างนี้จึงอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 ในรัชสมัยของพระเจ้าเมืองแก้ว



                  วัดปู่เปี้ย
                  ตั้งอยู่บริเวณที่เข้าในกันว่าเป็นแนวคูน้ำคันดินบริเวณทางทิศตะวันตกของเวียงกุมกาม อยู่ลึกลงไปจากปัจจุบันประมาณ 2 เมตร ประกอบด้วยวิหารเจดีย์อุโบสถและส่วนประกอบปลีกย่อย เช่น แท่นบูชา ศาลผีเสื้อ ตั้งอยู่ด้านหน้า ส่วนองคืเจดีย์มีลักษณะศิลปกรรมแบบสุโขทัยและล้านนารวมกันคือ มีเรือนธาตุสูงรับองค์ระฆังขนาดเล็ก อายุการสร้างเจดีย์ปู่เปี้ยน่าจะอยู่ราวสมัยรัชสมัยของพญาติโลกราช คือในราว พ.ศ.1988-2068



                    วัดธาตุขาว
                    ตั้งอยู่บริเวณอยู่นอกแนวเมืองเวียงกุมกาม เยื้องออกไปทางทิศตะวันตก อยู่ลึกจากผิวดินปัจจุบันประมาณ 1 เมตร ประกอบด้วยเจดีย์และพระอุโบสถ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของเจดีย์เป็นเจดีย์กลม ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมแบบศิลปะล้านนา อายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 21 ตรงประดิษฐานพระพุทธรูปในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปปูนปั้นชำรุดขนาดใหญ่ ฉาบด้วยปูนขาวตกอยู่ สันนิษฐานว่าชื่อของวัดอาจจะเรียกตามลักษณธของพระพุทธรูปนี้






ที่ตั้งและลักษณะ

                เวียงกุมกามมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีความยาวประมาณ 850 เมตร ไปตามแนวทิศตะวันออกเฉียงใต้สู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และกว้างประมาณ 600 เมตร ตัวเมืองยาวไปตามลำน้ำปิงสายเดิมที่เคยไหลไปทางทิศตะวันออกของเมือง ดังนั้นในสมัยโบราณเวียงกุมกามจะตั้งอยู่บนฝั่งทิศตะวันตกหรือฝั่งเดียวกับเมืองเชียงใหม่ แต่เชื่อกันว่า เนื่องจากกระแสของแม่น้ำปิงเปลี่ยนทิศทาง จึงทำให้เวียงกุมกามเปลี่ยนมาตั้งอยู่ทางฝั่งด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำดังเช่นปัจจุบัน
                   ปัจจุบันเวียงกุมกามอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเชียงใหม่ประมาณ ก.ม. 3-4 ถนนเชียงใหม่-ลำพูน ด้านขวามือ ในเขตตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี และอยู่ใกล้ฝั่งด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำปิง

                 นอกจากโบราณสถานสำคัญที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วก็ยังมีโบราณสถานที่มีความน่าสนใจและสวยงามอีกมากมายซึ่งอยู่ในบริเวณเวียงกุมกาม หากเพื่อนๆคนไหนอยากจะศึกษาหรือเรียนรู้เพิ่มเติมสามารถรับชมคลิปวิดิโอด้านล่างนี้ได้เลยค่าาา




อ้างอิง
         ประชาชาติธุรกิจ ประชาชาติไลฟ์. (2561). "เวียงกุมกาม" มหานครใต้พิภพ เมืองหลวงแห่งแรกอาณาจักรล้านนา. ค้นเมื่อ 9 มีนาคม 2560 จาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1339145241
         วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2560). เวียงกุมกาม. ค้นเมื่อ 9 มีนาคม 2561 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A1
         สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่. (2557). เวียงกุมกาม. ค้นเมื่อ 9 มีนาคม 2561 จาก http://qr.wiangkumkam.com/th/info-1/
         siamdot.com ที่นี่เชียงใหม่. "เวียงกุมกาม" อดีตเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา. ค้นเมื่อ 9 มีนาคม 2561 จาก http://chiangmai.siamdot.com/wiangkumkam-chiangmai/



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น